วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

เตโชกสิณัง

เตโชกสิณัง เพลิงผลาญยังมิหวั่นไหว

ดึงเพลิงเผาหัวใจ น้อมลงใส่มโนธรรม

เพ่งจิตพินิจซ้อน ทับตะกอนตอนเช้าค่ำ

จากภาพที่มืดดำ จักน้อมนำสว่างงาม

เตโชภาวนา แสงเจิดจ้าไร้คำถาม

เพ่งจิตพินิจตาม อย่าผลีผลามเตลิดใจ

เพ่งลงให้ถึงสี่ เพลิงที่มีสว่างใส

กลับหนึ่งถึงข้างใน กลับสี่ใหม่ภาวนา

แล้วทิ้งดวงกสิณ กลับคืนถิ่นดังสิ้นค่า

สู่วิปัสนา จวบจนกว่านิพพานเยือน...

ศิษย์ตัวน้อย คอยขมาวิชาครู

ถักอักษรย้อนโยงจรรโลงฝัน

เป็นรางวัลบรรจงลงที่หมาย

ฉันขีดเขียนเพียรร้อยถ้อยบรรยาย

เพียงหนึ่งได้สื่อผ่านงานบทกลอน

เป็นเพียงเด็กเล็กน้อยหัดร้อยถั​ก

ยังหาหลักปักค้ำย้ำทางสอน

จะมีไหมใครเพียงเยี่ยงอาทร

อยากออดอ้อนสอนเขียนเรียนวิชา

กลบทรจนาภาษาศาสตร์

ยังคงพลาดขาดเพียรอยากเขียนกล้า

ทั้งกาพย์โคลงโยงฉันท์ขอวันทา

ศิษย์ตัวน้อยคอยขมาวิชาครู...

คนที่แปลกไป กับหัวใจที่แปลกตา

คนที่แปลกไปกับหัวใจที่แปลกตา

บอกหน่อยสิว่ามันเหลือค่าสักแค่ไหน

ช่วยยืนยันความเป็นเรากระซิบเบาเบาให้เข้าใจ

ว่ายังมีกันอยู่ไหม..หัวใจที่แปลกตา

มันคงค่อยค่อยลดลงทุกที

หรือทุกเสี้ยววินาทีทำให้ใจที่มีมันไหวล้า

อาจเป็นเพราะช่วงหนึ่งที่แสนสั้นของกาลเวลา

จึงทำให้หัวใจที่แปลกตา..กลายเป็นคนไร้ค่าที่แปลกไป...

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ผ่านราตรี..ที่ทรมาณ

ท่วงทำนองแห่งความเหงา

กระซิบเบาเบาผ่านมาที่นี่

ดอกไม้ดอกหนึ่งซึมซับได้ดี

เพราะถึงจะไร้สีแต่ไม้ดอกนี้ไม่ไร้ใจ

ยังคงอยู่กับคืนวันเก่าเก่า

จับมือเคียงข้างลมเบาอย่างหวั่นไหว

มองสายน้ำทอดยาวอย่างเข้าใจ

และซึมซับทุกกลิ่นไอใส่กวี

ก้าวผ่านคืนวันอันเหว่ว้า

เคียงข้างอยู่คู่จันทรายามฟ้าเปลี่ยนสี

ขอขอบคุณทุกสรรพสิ่งอันแสนดี

ที่จับมือเคียงข้างทุกนาที ให้ดอกไม้ไร้สี ก้าวผ่านราตรีที่ทรมาณ

ฤา..เช่นดอกไม้ไฟ

คำว่ารักรักมากจากปากเธอ

บอกซิเออว่าเด็ดขาดขนาดไหน

หรือสวยเด่นดังเช่นดอกไม้ไฟ

ที่ยิ่งใหญ่สุกหวานตระกาลตา

ขยายช่อล้อเล็มเต็มพื้นที่

หลากแสงสีมากมีปนบนท้องฟ้า

แต่ไม่นานผ่านไปในเวลา

ทิ้งนภาอ่อนล้าไว้ให้มืดมน . . .

กลัว. . .

หากลมหายใจจะพรากเราจากกัน

อยากรู้จังเธอจะฝันถึงกันไหม

หากวันหนึ่งความทรงจำเราดับไป

เธอจะคุ้นหน้าฉันหรือไม่ยามพบเจอ

กลัวความเปลี่ยนแปลงของเวลา

กังวลว่าทางข้างหน้าเธอจะพลั้งเผลอ

กลัวเหลือเกินกับทางเดินที่เหงาละเมอ

กลัวสักวันหนึ่งเธอเบื่อคนเพ้อเพ้อแล้วจากไป

ช่วยยืนยันกับฉันสักหนึ่งคำ

ว่าทุกความทรงจำจะสดใส

เธอจะเป็นเธอคนที่เคยเจอแม้ห่างไกล

ขอเถอะนะถ้าทำได้ "ช่วยยืนยันกับหัวใจว่ารักกัน"

แม่จอมปลอม

เด็กน้อยชื่นชมชอบ แม่สอนตีกรอบวาดเขียน

ภูมิใจในการเรียน แม่ฉันอย่างเซียนชี้นำ

เหลียวมองรอบรอบกาย ลูกหลานมากมายน่าขำ

ถามแม่หรือเพราะกรรม จึงต้องทำเพื่อลูกยา

"ลูกจ๋าไม่ลำบาก ลูกแม่แม้มากจากฟ้า

ท่านคงประธานมา ให้เจ้าลืมตาพ้นกรรม"

พ่อหนูอยู่ไหนเล่า มีแต่แม่เฝ้าเช้าค่ำ

ฤา พ่อหนูใจดำ ทำแม่เจ็บช้ำจากไป

"เปล่าเลยเจ้าลูกจ๋า พ่อลูกเขาน่ะหวั่นไหว

หลบลี้หนีหน้าไกล เดี๋ยวคงกลับได้เร็ววัน"

ใครกล่อมแม่หลับตา ยามเหนื่อยเมื่อยล้าจากฝัน

ยอมท้อก็ใครกัน ช่วยปลอบกลั้นปันอุรา

"แม่อยู่เพียงคนเดียว ไม่เคยแลเหลียวมองหา

ลูกจงแกร่งขึ้นมา ด้วยมือและขาตัวเอง"

แต่ลูกกลับรู้สึก ความหนาวกรีดลึกไหวเคว้ง

ไม่อยากทานข้าวเอง มีคนกล่อมเพลงให้ฟัง

"ลูกแม่ตั้งมากมาย ใช่ว่าป้อนได้ทุกครั้ง

เรื่องเพลงที่อยากฟัง วันหลังแม่จะกล่อมนอน

คืนนี้ลูกจงนิทรา หลับเถิดหลับตาอิงหมอน

พรุ่งนี้ตะวันรอน จะกล่อมนอนให้หลับตา"

แม่จอมปลอมปิดห้อง ซับน้ำที่นองอาบหน้า

เจ็บปวดเหลืออุรา ใยเจ้าเกิดมาเดียวดาย

เจ้าจงเป็นเด็กดี จะสอนสั่งสิ่งนี้ให้

เมื่อพ้นช่วงเยาวัย ดวงใจคงรู้ความจริง...